วันอาทิตย์ที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2561


"ข่าว "
"จัดอันดับประเทศที่คนมักเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง"


         
นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยวอชิงตันในสหรัฐอเมริกา ได้รายงานการจัดอันดับประเทศที่มีประชากรเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งมากที่สุดพร้อมกับบันทึกสถิติผู้ป่วยมะเร็งรายใหม่ๆเพิ่มขึ้นจากการศึกษาข้อมูลใน 195 ประเทศมีคำเตือนว่า โรคมะเร็งอาจเกิดขึ้นจากการใช้ชีวิตประจำวันทั่วๆไป ซึ่งในปี พ.ศ.2559 พบว่าในมองโกเลียมีคนเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งมากกว่าประเทศอื่นๆนับได้2 72 คนต่อ 100,000 คนที่เสียชีวิตจากโรคนี้ ตามมาด้วยซิมบับเว โดมินิกา ฮังการี และเกรนาดาน่าแปลกใจว่า ประเทศที่มั่งคั่งอย่างออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และสหรัฐอเมริกา กลับนำโด่งเป็น 3 อันดับแรกที่มีผู้ป่วยมะเร็งรายใหม่ๆเพิ่มขึ้น ส่วนเนเธอร์แลนด์รั้งอันดับ 4 และอังกฤษอยู่ในอันดับ 8 ในขณะที่ซีเรียกลับมีจำนวนผู้เสียชีวิตจากโรคมะเร็งน้อยที่สุด และจำนวนผู้ป่วยรายใหม่ๆก็ลดลง นักวิจัยเผยว่า กลุ่มประเทศที่มีรายได้สูงและประชากรมีการศึกษาสูงมักจะเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่เป็นไปได้ว่าการเพิ่มขึ้นของผู้ป่วยใหม่ๆ จะเชื่อมโยงกับกิจกรรมหลายอย่าง เช่น การสูบบุหรี่ การดื่มและบริโภคอาหารที่ไม่มีประโยชน์

          มีข้อมูลว่า ปี พ.ศ.2559 พบผู้ป่วยมะเร็งทั่วโลกจำนวน 17,200,000 ราย ซึ่งเพิ่มขึ้น 28% ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา และมีผู้เสียชีวิต 8,900,000 คน โดยมะเร็งเต้านมเป็นสาเหตุสำคัญของการ เสียชีวิตในสตรี ส่วนมะเร็งปอดเป็นสาเหตุสำคัญของการเสียชีวิตในผู้ชายที่ป่วยด้วยโรคมะเร็ง

วิเคราะห์ข่าว
นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยวอชิงตันในสหรัฐอเมริกา จัดอันดับประเทศที่มีประชากรเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งมากที่สุดพร้อมกับบันทึกสถิติผู้ป่วยมะเร็งรายใหม่ๆเพิ่มขึ้นจากการศึกษาข้อมูลใน 195 ประเทศมีคำเตือนว่า โรคมะเร็งอาจเกิดขึ้นจากการใช้ชีวิตประจำ วัน ทั่วๆไป

ที่มา : เว็บไซต์

ผลการศึกษาจากสมาคมจีเอสเอ็ม พบว่าผู้บริโภคในประเทศกำลังพัฒนาได้รับผลกระทบอย่างมากจากราคาคลื่นความถี่ที่สูง


ข่าว


กรุงเทพฯ (18 กรกฎาคม 2018) – นโยบายการกำหนดราคาคลื่นความถี่ที่ดีขึ้นเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งต่อประเทศที่กำลังพัฒนา เพราะส่งผลต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจและสวัสดิการสังคมของคนนับพันล้านคนที่ยังคงไม่สามารถเชื่อมต่อกับบริการบรอดแบนด์บนมือถือได้ ทั้งนี้รายงาน “การกำหนดราคาคลื่นความถี่ในประเทศกำลังพัฒนา (Spectrum Pricing in Developing Countries)” ฉบับล่าสุดที่เปิดเผยโดยสมาคมจีเอสเอ็ม หรือ GSMA ระหว่างการประชุม Mobile 360 ซึ่งจัดขึ้นที่เมืองคิกาลี ประเทศราวันดา รายงานยังระบุว่า ราคาคลื่นความถี่ในประเทศกำลังพัฒนาโดยเฉลี่ยสูงกว่าประเทศที่พัฒนาแล้วถึง 3 เท่าเมื่อพิจารณารายได้รวมเข้าไปด้วย การกำหนดราคาคลื่นความถี่ที่สูงเช่นนี้เป็นอุปสรรคสำคัญต่อการใช้โทรศัพท์มือถือ
ข้อมูลการศึกษาของ GSMA Intelligence ยังพบว่ารัฐบาลมีบทบาทอย่างมากในการเพิ่มราคาคลื่นความถี่เพื่อเพิ่มรายได้ของรัฐจากการออกใบอนุญาตคลื่นความถี่ ยิ่งกว่านั้นราคาจอง (reserved price) การประมูลคลื่นความถี่ในประเทศกำลังพัฒนาจะสูงกว่าในประเทศที่พัฒนาแล้วถึง 5 เท่าเมื่อนำรายได้เข้ามาพิจารณา รายงานยังระบุถึงความเชื่อมโยงระหว่างราคาคลื่นความถี่ที่สูงกับสัญญาณครอบคลุมที่ต่ำลง รวมไปถึงการให้บริการโมบายล์ บรอดแบนด์ที่แพงกว่าและมีคุณภาพต่ำกว่า ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นอุปสรรคต่อการใช้งานของผู้บริโภค

วิเคราะห์ข่าว
การกำหนดราคาสุดท้ายให้สูงหรือการตั้งราคาเริ่มต้นการประมูลที่สูง (เช่น ราคาจอง หรือ reserve price) เป็นการสร้างเงื่อนไขเทียมที่จำกัดปริมาณคลื่นความถี่ที่ได้รับอนุญาต ไม่มีการชี้แจงแผนงานด้านคลื่นความถี่อย่างชัดเจน รวมถึงการกำหนดเงื่อนไขในการประมูลที่ไม่ดี ถือเป็นส่วนหนึ่งของการตัดสินใจด้านนโยบายที่รายงานฉบับนี้ระบุว่า เป็นการพยายามกำหนดราคาประมูลคลื่นความถี่ให้สูง ซึ่งเป็นสิ่งที่กระทำในประเทศที่กำลังพัฒนา

ที่มา: เว็บไซต์