วันอาทิตย์ที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

ผลการศึกษาจากสมาคมจีเอสเอ็ม พบว่าผู้บริโภคในประเทศกำลังพัฒนาได้รับผลกระทบอย่างมากจากราคาคลื่นความถี่ที่สูง


ข่าว


กรุงเทพฯ (18 กรกฎาคม 2018) – นโยบายการกำหนดราคาคลื่นความถี่ที่ดีขึ้นเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งต่อประเทศที่กำลังพัฒนา เพราะส่งผลต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจและสวัสดิการสังคมของคนนับพันล้านคนที่ยังคงไม่สามารถเชื่อมต่อกับบริการบรอดแบนด์บนมือถือได้ ทั้งนี้รายงาน “การกำหนดราคาคลื่นความถี่ในประเทศกำลังพัฒนา (Spectrum Pricing in Developing Countries)” ฉบับล่าสุดที่เปิดเผยโดยสมาคมจีเอสเอ็ม หรือ GSMA ระหว่างการประชุม Mobile 360 ซึ่งจัดขึ้นที่เมืองคิกาลี ประเทศราวันดา รายงานยังระบุว่า ราคาคลื่นความถี่ในประเทศกำลังพัฒนาโดยเฉลี่ยสูงกว่าประเทศที่พัฒนาแล้วถึง 3 เท่าเมื่อพิจารณารายได้รวมเข้าไปด้วย การกำหนดราคาคลื่นความถี่ที่สูงเช่นนี้เป็นอุปสรรคสำคัญต่อการใช้โทรศัพท์มือถือ
ข้อมูลการศึกษาของ GSMA Intelligence ยังพบว่ารัฐบาลมีบทบาทอย่างมากในการเพิ่มราคาคลื่นความถี่เพื่อเพิ่มรายได้ของรัฐจากการออกใบอนุญาตคลื่นความถี่ ยิ่งกว่านั้นราคาจอง (reserved price) การประมูลคลื่นความถี่ในประเทศกำลังพัฒนาจะสูงกว่าในประเทศที่พัฒนาแล้วถึง 5 เท่าเมื่อนำรายได้เข้ามาพิจารณา รายงานยังระบุถึงความเชื่อมโยงระหว่างราคาคลื่นความถี่ที่สูงกับสัญญาณครอบคลุมที่ต่ำลง รวมไปถึงการให้บริการโมบายล์ บรอดแบนด์ที่แพงกว่าและมีคุณภาพต่ำกว่า ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นอุปสรรคต่อการใช้งานของผู้บริโภค

วิเคราะห์ข่าว
การกำหนดราคาสุดท้ายให้สูงหรือการตั้งราคาเริ่มต้นการประมูลที่สูง (เช่น ราคาจอง หรือ reserve price) เป็นการสร้างเงื่อนไขเทียมที่จำกัดปริมาณคลื่นความถี่ที่ได้รับอนุญาต ไม่มีการชี้แจงแผนงานด้านคลื่นความถี่อย่างชัดเจน รวมถึงการกำหนดเงื่อนไขในการประมูลที่ไม่ดี ถือเป็นส่วนหนึ่งของการตัดสินใจด้านนโยบายที่รายงานฉบับนี้ระบุว่า เป็นการพยายามกำหนดราคาประมูลคลื่นความถี่ให้สูง ซึ่งเป็นสิ่งที่กระทำในประเทศที่กำลังพัฒนา

ที่มา: เว็บไซต์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น